Butterfly valve วาล์วปีกผีเสื้อมีกี่ประเภทและเหมาะกับการใช้งานลักษณะใด

รู้จักกับวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภทต่าง ๆ พร้อมรูปแบบและประโยชน์ในการใช้งาน

butterfly valve

วาล์วอุตสาหกรรม (Industrial Valves) ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve), วาล์วประตูน้ำ (Gate Valve), บอลวาล์ว (Ball Valve), วาล์วกันกลับ (Check Valve), ตลอดจนไดอะแฟรมวาล์ว (Diaphragm Valve) เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากต่อการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากวาล์วเหล่านี้ล้วนมีหน้าที่ในการช่วยควบคุมอัตราการไหลของเหลว น้ำ สารเคมี แก๊ส หรืออากาศ ให้อยู่ในระดับหรือเป็นไปตามทิศทางที่ต้องการ รวมถึงสามารถช่วยป้องกันการไหลย้อนกลับที่อาจส่งผลให้ของเหลวหรืออากาศไหลมาผสมรวมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวาล์วอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นนี้ วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) นับได้ว่าเป็นวาล์วที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางมากที่สุดในปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วในวันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาเจาะลึกเกี่ยวกับวาล์วปีกผีเสื้อ หรือ Butterfly Valve กันว่า วาล์วปีกผีเสื้อคืออะไร? มีกี่ประเภท? และวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) แต่ละประเภทเหมาะสำหรับการนำมาใช้งานในลักษณะใดบ้าง?

รู้จักกับวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve)

วาล์วปีกผีเสื้อ หรือ Butterfly Valve เป็นควอเตอร์เทิร์นวาล์ว (Quarter Turn Valve) ประเภทหนึ่งที่มีการเคลื่อนที่แบบหมุนรอบได้ 1 ใน 4 ส่วนของวงกลม และสามารถหมุนปรับไปมาได้ถึง 90 องศา เนื่องจากการทำงานของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) นั้นจะอาศัยการทำงานของตัวลิ้นวาล์วที่มีลักษณะคล้ายกันกับจานที่ถูกติดตั้งเอาไว้ภายในตัววาล์วร่วมกับก้านหมุน ในการช่วยควบคุมให้วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) สามารถปรับหมุนไปได้ในระดับที่ต้องการ เพื่อประโยชน์ในการช่วยควบคุมการเริ่มและการหยุดไหลของของเหลวหรือก๊าซภายในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการออกแบบบัตเตอร์ฟลายวาล์ว (Butterfly Valve) หรือ วาล์วปีกผีเสื้อ จะมีการออกแบบให้ชิ้นส่วนโลหะเคลื่อนที่ของ Butterfly Valve ไม่เกิดการสัมผัสโดยตรงกับของเหลวหรือก๊าซต่าง ๆ เพื่อเป็นการช่วยให้วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ที่สามารถถูกผลิตขึ้นมาได้จากวัสดุหลายประเภทมีความแข็งแรง ทนทาน ต้องการการบำรุงรักษาน้อย และเกิดการสึกกร่อนที่น้อยที่สุด ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติที่ดีของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ดังกล่าวนี้ บวกกับราคาที่ย่อมเยาและน้ำหนักที่เบากว่าวาล์วประเภทอื่น ๆ ส่งผลให้ Butterfly Valve หรือ วาล์วปีกผีเสื้อ จึงเป็นวาล์วอุตสาหกรรมที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์ สถานีสูบน้ำ และเภสัชกรรม เป็นต้น

 

ประเภทและรูปแบบในการใช้งานวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve)

สำหรับการแบ่งประเภทและรูปแบบในการใช้งานวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบหลัก ๆ ตามลักษณะโครงสร้างของตัววาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ได้แก่ Wafer, Lug, Flanged, และ Welded โดยที่วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) แต่ละประเภทก็ล้วนมีรูปแบบและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  1. Butterfly Valve, Wafer Types
    วาล์วปีกผีเสื้อประเภท Wafer เป็นวาล์วปีกผีเสื้อ หรือ Butterfly Valve ในรูปแบบมาตรฐานที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะที่เป็นรูตรงกลางจำนวน 2 รู หรือมากกว่านั้น รวมถึงมีจำนวนรูขันน็อต 4 รู เพื่อประโยชน์ในการติดตั้งและการนำมาใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยสำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Wafer คือ การมีน้ำหนักเบา มีราคาย่อมเยา รวมถึงมีการออกแบบที่เรียบง่ายผ่านการเชื่อมต่อกับท่อด้วยรูสลักเกลียวที่ไหลผ่านตัวโครงสร้างของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Wafer เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ของเหลวหรือก๊าซในระบบเกิดการไหลย้อนกลับ และนอกจากนี้ Butterfly Valve ประเภท Wafer ยังมีขนาดให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลายตั้งแต่ 1-1/2 นิ้ว – 24 นิ้ว จึงทำให้เราสามารถพบเห็นการนำเอาวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Wafer มาใช้งานได้ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การจ่ายน้ำ การบำบัดน้ำ เขื่อน โรงไฟฟ้า รวมถึงในอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

  2. Butterfly Valve, Lug Types
    วาล์วปีกผีเสื้อ หรือ Butterfly Valve ประเภท Lug เป็นวาล์วปีกผีเสื้อที่มีลักษณะการทำงานทุกอย่างที่คล้ายคลึงกันกับหลักการทำงานของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Wafer แต่อย่างไรก็ตามวาล์วทั้งสองประเภทนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันตรงที่ วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Lug จะเป็นวาล์วที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโครงสร้างเป็นสลักเกลียวที่มีจำนวนรูขันน็อตด้านข้าง 8 รูรอบพื้นที่ทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อกับหน้าแปลนท่อ (Flanged Pipe) ที่ระหว่างส่วนปลายของท่อ เพราะฉะนั้นแล้ววาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Lug จึงเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากกว่าสำหรับการนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมที่มีความดันสูง อาทิ การนำมาใช้งานเพื่อเป็นสต๊อปเปอร์ (Stopper) การใช้เป็นก๊อกสำหรับการระบายออกที่บริเวณปลายท่อ ตลอดจนการนำเอา Butterfly Valve ประเภท
    Lug มาใช้เป็นวาล์วสำหรับเปิด-ปิด และควบคุมการไหลของของเหลวหรือก๊าซภายในระบบการทำงานในอุตสาหกรรม

  3. Butterfly Valve, Flanged Types
    วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Flanged หรือที่หลาย ๆ คนนิยมเรียกกันในชื่อของ Double-Flanged Butterfly Valve เป็นวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) อีกประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้มีหน้าแปลน (Flanged) ที่แต่ละด้านของตัววาล์ว โดยที่หน้าแปลนทั้งสองด้านจะมีขนาดและตำแหน่งที่ตรงกัน ร่วมกับการมีสลักเกลียวและน็อต 2 ชุดสำหรับรองรับวาล์วในแต่ละด้าน เพื่อประโยชน์ในการช่วยให้วาล์วปีกผีเสื้อ หรือ Butterfly Valve ประเภท Flanged เหมาะสำหรับการนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมหนักท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ การประปาเทศบาลและการบำบัดน้ำเสีย การผลิตกระดาษและเยื่อกระดาษ การป้องกันอัคคีภัย ตลอดจนโรงกลั่นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เพื่อการช่วยปิดและการควบคุมปริมาณการใช้งานของของเหลวหรือก๊าซในระบบได้เป็นอย่างดี

  4. Butterfly Valve, Welded Types
    ปิดท้ายกันด้วยวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภทสุดท้ายอย่าง ประเภท Welded ซึ่งเป็นวาล์วปีกผีเสื้อ หรือ Butterfly Valve แบบควอเตอร์เทิร์นอีกหนึ่งประเภทที่ถูกออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้มีลักษณะโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพชดเชยกับโครงสร้างของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภทอื่น ๆ ได้ถึง 3 เท่า เพราะฉะนั้นแล้ววาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ประเภท Welded จึงถือเป็นวาล์วที่สามารถตอบโจทย์การนำมาใช้งานเพื่อการช่วยแยกหรือควบคุมการไหลในอุตสาหกรรมหนัก ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันสูง มีอุณหภูมิสูง หรือมีสารที่ออกฤทธิ์กัดกร่อน อาทิ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ หรืออุตสาหกรรมพลังงาน ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


ข้อดีของการเลือกใช้งานวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve)

  • วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อนและประกอบไปด้วยชิ้นส่วนน้อยชิ้น จึงทำให้สามารถนำมาใช้งาน
    ตลอดจนดูแลและบำรุงรักษาได้ง่าย

  • วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) สามารถผลิตขึ้นมาได้จากวัสดุหลากหลายประเภท และส่วนใหญ่มักจะมีน้ำหนักเบา ติดตั้งไม่ยุ่งยาก
    รวมไปถึงการติดตั้งมีความแน่นหนาและสามารถช่วยป้องกันการรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) มีให้เลือกใช้งานหลากหลายขนาด และโดยส่วนใหญ่แล้ววาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve)
    มักจะมีขนาดหรือความกว้างที่น้อยกว่าวาล์วอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ จึงทำให้สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งได้ดี

  • วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) มีชิ้นส่วนที่เกิดการขยับเขยื้อน และเกิดการสัมผัสกับของเหลวหรือก๊าซในระบบน้อย จึงทำให้สามารถดูแลรักษาได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว

  • วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) สะดวกต่อการติดตั้งร่วมกับระบบควบคุมอัตโนมัติ อาทิ ระบบนิวเมติก, ระบบไฮดรอลิค, และระบบไฟฟ้า

  • วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) สามารถเนำมาใช้งานเพื่อเป็นได้ทั้งวาล์วเปิด-ปิด และวาล์วที่ใช้ในการควบคุม (วาล์วคอนโทรล)

  • วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) สามารถนำมาใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานท่อขนาดใหญ่ อาทิ ระบบส่งน้ำ ระบบน้ำทิ้ง ระบบท่อน้ำหล่อเย็น หรือระบบท่ออากาศของระบบทำความเย็น เป็นต้น


สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) หรือวาล์วอุตสาหกรรมในรูปแบบต่าง ๆ มาใช้งาน ที่ Enfourtech เราคือซัพพลายเออร์รายใหญ่ของอุปกรณ์วิศวกรรมระดับโลก ตลอดจนผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกล ball Valve , pump , pressure relief valve และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรมตั้งแต่อุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ โรงกลั่น ปิโตรเคมี และโรงงานไฟฟ้า ที่พร้อมมุ่งมั่นจัดหาวาล์วปีกผีเสื้อ หรือ Butterfly Valve ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มาพร้อมด้วยความแข็งแรง ทนทาน และประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีที่สุด มาให้ลูกค้าทุกท่านได้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและตรงตามความต้องการมากที่สุด


สอบถามรายละเอียด Butterfly Valve , Pump หรือ Pressure relief valve ติดต่อ

Tel : (+66) 2 694 2322
Fax : (+66)2 694 2323
E-mail : info@enfourtech.com